คลังบทความของบล็อก

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

พฤติกรรมผู้บริโภคที่ผู้ประกอบการไทยควรรู้

ล้วงลึก! พฤติกรรมการบริโภคของชาวเฉิงตูที่ผู้ประกอบการไทยควรรู้


ก่อนขยายฐานลูกค้าหรือเจาะตลาดสินค้าแห่งใหม่ นักธุรกิจหรือผู้ประกอบการจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทราบถึงสภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของเมือง รวมทั้ง นโยบายการพัฒนาและการส่งเสริมในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนในพื้นทีเป้าหมาย

อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่า ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแห่งที่ 2 ของโลกเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีการค้าและการลงทุนที่เติบโตเป็นอย่างมาก อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น กลายเป็นที่ยอมรับและถูกจับตามองจากนักธุรกิจทั่วโลกในการที่จะแสวงหาโอกาสเข้ามาทำการค้าการลงทุนเพื่อจะได้มีส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจในตลาดยักษ์ใหญ่แห่งนี้

ศูนย์บีไอซี นครเฉิงตู ขอถือโอกาสนี้แนะนำให้ทุกท่านรู้จัก “นครเฉิงตู” ตลาดศักยภาพขนาดใหญ่ในจีนตะวันตก พร้อมกับเปิดเผย “พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวเฉิงตู”ให้ทุกท่านได้รับทราบกันอย่างเจาะลึก เพื่อให้ผู้ที่สนใจตลาดเฉิงตูได้อุ่นเครื่องเตรียมความพร้อมก่อนที่จะ “ลงพื้นที่จริง”

เศรษฐกิจนครเฉิงตู

นครเฉิงตู (บ้านเกิดหมีแพนด้า) เมืองเอกของมณฑลเสฉวน ที่ปัจจุบันกำลังมุ่งมั่นยกระดับเมืองและเศรษฐกิจให้มีความเป็นสากลและเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและ Hub ทางการคมนาคมทั้งในและต่างประเทศที่สำคัญของภูมิภาคจีนตะวันตก ทั้งนี้ ในปี 2557 ที่ผ่านมานครเฉิงตูได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีศักยภาพการพัฒนาลำดับที่ 3 ของจีน และเมืองที่มีศักยภาพสำหรับการทำธุรกิจอันดับที่ 10 ของจีน

ในปี 2557 นครเฉิงตูมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) จำนวน 1,005,660 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 8.9% การค้าระหว่างประเทศมีมูลค่า 342,980 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 9.3% แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 207,660 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4.9% และการนำเข้ามูลค่า 135,320 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 16.70% จัดอยู่ในลำดับที่ 9 ของจีน

สำหรับรายได้หลังหักภาษีของชาวเมืองเฉลี่ยอยู่ที่ 32,810 หยวน เพิ่มขึ้น 9.8% และรายได้ของชาวชนบทเฉลี่ยอยู่ที่ 14,410 หยวน เพิ่มขึ้น 11% โดยชาวเฉิงตูมีอัตราเงินเดือนเฉลี่ยจำนวน 5,268 หยวน สูงเป็นอันดับที่ 10 ของจีน และเมื่อนำตัวเลขรายได้ของชาวเฉิงตูมาเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ ในจีน จะพบว่าอัตรารายได้สุทธิเฉลี่ยของชาวเฉิงตูจัดอยู่ในระดับปานกลางโดยอยู่ในลำดับที่ 40 ของจีน ดังกราฟต่อไปนี

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขรายได้มิได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและระดับของการบริโภคสินค้าและบริการของชาวเฉิงตูแต่อย่างใด อัตราการบริโภคของชาวเฉิงตูในปี 2557 มีมูลค่า 420,240 ล้านหยวน เติบโตถึง 12% แบ่งเป็นภาคการค้าส่งมีมูลค่า 24,970 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 11% ภาคการค้าปลีกมีมูลค่า 342,530 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 12.3% ค่าใช้จ่ายที่พักอาศัยมูลค่า 4,660 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.6% และค่าบริโภคอาหาร 48,080 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 12.3% สำหรับตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1.3%

พฤติกรรมการบริโภคของชาวเฉิงตู

หลายปีมานี้ เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้รายได้ของประชาชนพุ่งสูงขึ้นและมีกำลังในการจับจ่ายเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ผู้บริโภคเอาใส่ใจและพิถีพิถันในการบริโภคสินค้าเพื่อต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้พฤติกรรมการบริโภคของชาวจีนเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด

นครเฉิงตู เป็นศูนย์รวมของผู้บริโภคที่มีศักยภาพจำนวนกว่า 14 ล้านคน การบริโภคภายในพื้นที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ชาวเฉิงตูมีกำลังซื้อสูงและมีรสนิยมการเลือกซื้อสินค้าที่ทันสมัย มีคุณภาพและมีความแปลกใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น ที่ยึดติดความหรูหราเพื่อต้องการแสดงถึงสถานะทางสังคม

ผลการสำรวจการใช้จ่ายของชาวเฉิงตูในปี 2557 ที่ผ่านมา ผู้บริโภคเฉิงตูใช้จ่ายเงินเฉลี่ยประมาณ 15,357.47 หยวน/คน/ปี เพิ่มขึ้น 8.9% ซึ่งในจำนวนค่าใช้จ่ายดังกล่าวหมดไปกับค่าอาหารมากที่สุดเฉลี่ย 4,426.11 หยวน/คน/ปี และค่าเสื้อผ้าสวมใส่จำนวน 2,263.99 หยวน

จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลสามารถจัดแบ่งพฤติกรรมการบริโภคของชาวเฉิงตูได้ดังนี้

1.มีอุปสงค์ในการบริโภคอย่างแรงกล้า รักการจับจ่ายเป็นชีวิตจิตใจ

ชาวเฉิงตูต่างมีความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า “เงินมีไว้ใช้ ไม่ได้มีไว้เก็บ” ทำให้อัตราการบริโภคในพื้นที่มียอดตัวเลขที่สูงกว่าเมืองในระดับเดียวกัน ซึ่งพฤติกรรมชอบจับจ่าย ชอบดื่มด่ำกับธรรมชาติ สนุกสนานและผ่อนคลายในการดำเนินชีวิต จึงเป็นวิถีชีวิตอันดั้งเดิมที่ฝังรากลึกลงไปในสายเลือดของชาวเฉิงตูมาอย่างช้านาน

2.ใช้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการบริโภค

ชาวเฉิงตูโดยส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมการบริโภคที่ค่อนข้างบุ่มบ่ามและตัดสินใจเลือกบริโภคสินค้าอย่างรวดเร็ว โดยมีตัวแปรสำคัญ อาทิ สีสัน ลักษณะ และโปรโมชั่นราคาพิเศษ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้น เร่งเร้าให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้านั้นๆ มากขึ้น โดยปราศจากการยับยั้งชั่งใจ และใช้อารมณ์เข้ามาเป็นตัวกำหนดการเลือกซื้อสินค้า แม้ว่าสินค้าดังกล่าวจะไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสมกับตนเองก็ตาม

3.เปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็นในผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่

ความอยากรู้อยากเห็น ต้องการทดลองในผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้บริโภคทุกราย สำหรับผู้บริโภคชาวเฉิงตูจะแสดงออกในด้านนี้ได้อย่างชัดเจน กล่าวคือ สถานที่ใดเปิดห้างใหม่ แบรนด์ใดมีผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ หรือมีสินค้าแบรนด์ใหม่ออกมาวางจำหน่าย ชาวเฉิงตูจะแจ้งข่าวสารต่อๆ กันและจะยกขบวนกันไปบุกสถานที่ดังกล่าวในทันที

4.สินค้าราคาถูกโดนใจผู้บริโภคชาวเฉิงตู

แม้ว่าชาวเฉิงตูจะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้เหมือนกับชาวฉงชิ่งที่มือเติบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ผู้บริโภคชาวเฉิงตูจะชั่งใจ พิจารณาเปรียบเทียบราคาสินค้าว่าถูกและมีคุณภาพที่เหมาะสมกับราคาหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าดังกล่าว

5.ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมไม่มีผลต่อการเลือกบริโภคสินค้า

ภาพของชาวเฉิงตูที่ขับรถยนต์ราคาแพงแวะจอดข้างทางเพื่อรับประทานอาหารมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ซึ่งผู้บริโภคเหล่านี้จะไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ของตน แม้ว่าจะต้องนั่งรับประทานข้างถนนหรือนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมด้อยกว่าตน โดยชาวเฉิงตูทั้งรวยและจนต่างเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน พอใจกับรายได้ของตนและดำเนินชีวิตของตนอย่างเพลิดเพลิน สิทธิของการบริโภคก็จะขึ้นอยู่กับกำลังซื้อและความต้องการของผู้บริโภคแต่ละราย

6.ชาวเฉิงตูรักการออกเที่ยวกันเป็นครอบครัว

เมื่อถึงช่วงเทศกาลวันหยุดประจำปีหรือวันพิเศษสำหรับคนในครอบครัว ชาวเฉิงตูมักจะเฮฮาสังสรรค์กันทั้งครอบครัว เดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าตามสถานที่ต่างๆ ร่วมกัน ดังนั้น เมื่อเข้าใจถึงพฤติกรรมการบริโภคในข้อนี้ ห้างสรรพสินค้า รวมทั้ง สถานที่ท่องเที่ยว จึงได้จัดโปรโมชั่นจำหน่ายสินค้าและการบริการในลักษณะครอบครัว เพื่อสอดรับกับความต้องการและสร้างความพอใจให้เกิดขึ้นแก่กลุ่มผู้บริโภคดังกล่าว

ผลลัพธ์ที่เกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเฉิงตู

พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวเฉิงตูในปัจจุบันที่เรียกได้ว่า มีรสนิยม มีกำลังซื้อสูง และให้ความสำคัญกับแบรนด์และคุณภาพของสินค้า ทำให้นครเฉิงตูกลายเป็นตลาดศักยภาพขนาดใหญ่และเป็นเป้าหมายการเข้ามาลงทุนขยายกิจการของสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังทั้งในและต่างประเทศ

นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ภาคภาษาจีน ได้จัดอันดับให้นครเฉิงตูเป็นเมืองที่มีมูลค่าการจับจ่ายสินค้าหรูหรามากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของประเทศ และ เป็นอันดับ 1 ของภาคตะวันตกประจำปี 2557 ตลอดจนเป็นเมืองที่มี “บิ๊กแบรนด์เนม” อย่าง PRADA, GUCCI, FENDI และ LOUIS VUITTON มากสุดเป็นลำดับที่ 4 ในจีน โดยสามอันดับแรกคือ นครเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่งและนครเสิ่นหยาง

ขณะเดียวกัน สินค้าแฟชั่น “แบรนด์อินเทรนด์” ที่ติดตลาดโลกในทุกวันนี้อย่างเช่น H&M, ZARA, GAP และ UNIQLO ได้ทยอยตบเท้าก้าวเข้ามาขยับขยายตลาดในนครเฉิงตูอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งแรกของปี 2558 “แบรนด์อินเทรนด์” ชื่อดังได้เข้ามาเปิดสาขาในนครเฉิงตูเป็นจำนวนมากถึง 63 แห่ง จัดอยู่ในอันดับที่ 3 ของจีน โดยอันดับหนึ่งเป็นของนครเซี่ยงไฮ้ จำนวน 151 แห่งและอันดับที่สองคือกรุงปักกิ่ง ที่จำนวน 135 แห่ง

“แบรนด์อินเทรนด์” คือแบรนด์เนมชื่อดังที่มาแรงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกมากที่สุดในปัจจุบันมีจำนวน 10 ราย ได้แก่ H&M, ZARA, UNIQLO, GAP, MUJI, MANGO, C&A, HOLLISTER, FOREVER 21 และ NEW LOOK

กระแสการเข้ามาขยายสาขาของสินค้าแบรนด์เนมในนครเฉิงตู สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวเฉิงตูกล้าใช้เงินเพื่อเลือกซื้อสินค้าที่ตนเองต้องการ “ร้านค้าเปิดที่ไหน ลูกค้าเต็มที่นั่น” มีตลาดกลุ่มผู้บริโภคคุณภาพขนาดใหญ่ จึงทำให้ธุรกิจสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ มองเห็นถึงโอกาสในการเพิ่มการลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นครเฉิงตูยังเป็นเมืองเป้าหมายสำคัญในการรองรับโครงการกระจายการลงทุนสร้างห้างสรรพสินค้าตามเมืองใหญ่ทั่วโลก โดยในปี 2557 นครเฉิงตู เมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในจีนตะวันตกมีพื้นที่พร้อมรองรับโครงการดังกล่าวทั้งสิ้น 3,200,000 ตารางเมตรหรือกว่า 100 โครงการ มากเป็นอันดับ 2 ของจีนและอันดับที่ 2 ของโลก โดยอันดับหนึ่งของโลกเป็นของนครเซี่ยงไฮ้ที่มีพื้นที่รองรับโครงการก่อสร้างทั้งสิ้น 3,300,000 ตารางเมตร และอันดับที่ 3 คือ นครเซินเจิ้น มีพื้นที่รองรับโครงการก่อสร้างทั้งสิ้น 2,700,000 ตารางเมตร



การเป็นเมืองเป้าหมายโครงการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าที่สำคัญของโลก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและต่อเนื่องในพื้นที่ เป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีศักยภาพ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ธุรกิจต่างๆ ในการตัดสินใจเลือกสถานที่เป้าหมายการลงทุน อีกทั้งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นครเฉิงตู กำลังเดินหน้าก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งจีนตะวันตกและเป็นแหล่งช็อปปิ้งคุณภาพขนาดใหญ่ของโลกในอีกไม่ช้า

ขอฝากส่งท้าย

การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วของนครเฉิงตู ทำให้กลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่มีกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น และยังส่งผลกระทบถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มพื้นฐานสำคัญต่อการขยายตัวของตลาดสินค้าและเป็นตัวกำหนดทิศทางการบริโภคภาพรวมในอนาคต

ปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวเฉิงตูชื่นชอบและนิยมสินค้าไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาหาร ผลไม้ รวมถึงสินค้าสปาเพื่อสุขภาพ เครื่องประดับและของตกแต่งบ้าน จึงเกิดเป็นโอกาสในการเข้ามาขยายตลาดสินค้าไทยคุณภาพในตลาดผู้บริโภคชาวเฉิงตู กอปรกับ บทความพฤติกรรมการบริโภคของชาวเฉิงตู ที่ทางศูนย์บีไอซี นครเฉิงตูได้เรียบเรียงมาให้ทุกท่านได้รับทราบและทำความเข้าใจ ซึ่งหวังว่าจะสามารถเป็นตัวช่วยชี้นำโอกาสให้กับนักธุรกิจและผู้ประกอบการไทยที่กำลังสนใจเตรียมบุกขยายตลาดสินค้าไทยในนครเฉิงตู
ขอย้ำอีกครั้งนะครับ พฤติกรรมการบริโภคของชาวเฉิงตูมีนิยามสั้นๆ ที่ว่า “สินค้าแปลกโดนใจ ราคาได้ใจ ตัดสินใจซื้อเลย”



 ที่มา : http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/business-opportunity/detail.php?SECTION_ID=650&ID=15910

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น